@SmartFarmPro
หลาย ๆ คนอาจจะกำลังสับสนอยู่ว่าไก่โร้ดไอส์แลนด์กับไก่ไฮบริด คือ สายพันธุ์เดียวกัน จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แต่เอ๊ะ.. แล้วเราจะดูยังไงว่าไก่สองพันธุ์นี้มีลักษณะแตกต่างกันยังไง วันนี้เราเลยจะมาไขข้อข้องใจแล้วเปรียบเทียบให้ทุกคนดูแบบชัด ๆ ว่าทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความแตกต่างกันยังไง แล้วจะเลี้ยงพันธุ์ไหนดี เวลาทุกคนเลือกซื้อพันธุ์ไก่ไข่มาเลี้ยงกันจะได้ไม่โดนหลอกขาย และสามารถเลือกซื้อกันได้อย่างถูกต้อง ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันได้เลย..
ไก่โร๊ดไอส์แลนด์ กับ ไก่ไฮบริด มีลักษณะแตกต่างกันยังไง ?
สองพันธุ์นี้จะมีความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย คือ ในเรื่องของสีขน ขนจะมีเฉดสีเข้ม-สีอ่อนที่ไม่เท่ากัน นอกจากนี้จะมีวิธีสังเกตลักษณะที่แตกต่างกันยังไงอีกบ้าง อย่ารอช้า มาเริ่มทำความรู้จักไปพร้อมกัน
ไก่ไฮบริด
ไก่ไฮบริดคือไก่ที่เกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์ หรือปรับปรุงสายพันธุ์ โดยนำข้อดีของไก่ไข่สายพันธุ์แท้หลาย ๆ สายพันธุ์ไม่ต่ำกว่า 4 สายพันธุ์มารวมกัน
จะมีลักษณะขนภายนอกมีสีส้มแดง ปลายหางและปลายปีกจะมีสีอ่อนค่อนไปทางขาว จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่าน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ ไก่โร้ดไอส์แลนด์ และจะเริ่มวางไข่เมื่ออายุได้ประมาณ 20-21 สัปดาห์ หรือประมาณ 4-5 เดือน น้ำหนักตั้งแต่เริ่มวางไข่จะอยู่ที่ประมาณ 1.4-2 กิโลกรัม โดยไก่ไฮบริดไม่จำกัดว่าต้องน้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะสามารถวางไข่ได้ และถูกตัดดจงอยปากออกตั้งแต่ตอนเป็นลูกไก่ โดยจะสังเกตได้ว่าเมื่อไก่ไฮบริดโตขึ้นจะมีขนาดปากบนและล่างที่เท่ากัน ซึ่งข้อดีตรงนี้คือ จะช่วยลดการจิกกัดกันของไก่ได้ และสามารถจิกอาหารกินได้ดีขึ้น ลักษณะสีเปลือกไข่ของไก่ไฮบริด จะมีสีน้ำตาลเข้ม จะเป็นเฉดสีตามท้องตลาดที่เราซื้อกันอยู่ทั่วไป
ไก่โร้ดไอส์แลนด์แดง
ไก่ไข่สายพันธุ์แท้ที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศอเมริกา ประมาณ 60 กว่าปีได้แล้ว ไก่โร้ดไอส์แลนด์เป็นไก่ไข่กึ่งไก่เนื้อ จะให้เนื้อมากกว่าไก่ไฮบริด
มีลักษณะขนสีน้ำตาลเข้ม ปลายหาง ปลายปีกจะมีขนสีดำเหลือบเขียว จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าไก่ไฮบริด จะเริ่มวางไข่เมื่ออายุได้ประมาณ 23-25 สัปดาห์ หรือประมาณ 5.5-6 เดือน น้ำหนักตั้งแต่เริ่มวางไข่จะอยู่ที่ประมาณ 2.2-3 กิโลกรัม แต่ไก่โร้ดไอส์แลนด์แดงจะต้องมีน้ำหนักเกินกว่า 1.5 กิโลกรัมขึ้นไป ถึงจะออกไข่ได้ ไก่โร้ดไอส์แลนด์แดงส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงแบบธรรมชาติ ปากของไก่โร้ดไอส์แลนด์แดงจะไม่ถูกตัดออกเหมือนกับไก่ไฮบริด โดยสังเกตที่ปากบนจะมีจงอยปากที่คมยาวกว่าด้านล่าง ซึ่งสามารถจิกกิน ขุ้ยเขี่ยหาอาหาร และสามารถเลี้ยงแบบปล่อยได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรเลี้ยงในปริมาณที่แออัดกันขนเกินไป เพราะถ้าไก่โร้ดไอส์แลนด์อารมณ์ไม่ดีอาจจะจิกกัดกันได้ ลักษณะสีเปลือกไข่ของไก่โร้ดไอส์แลนด์ จะมีสีน้ำตาลอ่อนไปทางสีขาว
เราควรเลี้ยงพันธุ์ไหนดี ?
สำหรับมือใหม่ที่อยากเลี้ยงไก่ไข่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเลี้ยงสายพันธุ์ไหนดี หรือเราเหมาะกับการเลี้ยงแบบไหน ? ถ้าหากเลี้ยงแบบนำไปขยายพันธุ์ต่อถ้ามีพ่อพันธุ์ที่เป็นไก่ไฮบริดแท้ พอลูกออกมาจะมีเฉดสีขนที่สลับกัน ลูกไก่ตัวผู้จะมีสีขาว และลูกไก่ตัวเมียจะมีสีส้มแดง ไข่ที่ออกมาจะมีลักษณะเฉดสีเปลือกปนกันทั้งสีขาวและสีน้ำตาลเข้มนั่นเอง จึงไม่ค่อยเหมาะแก่การเพาะพันธุ์สักเท่าไหร่ ซึ่งไก่ไฮบริดจะโดดเด่นในเรื่องของการออกไข่ที่มากกว่า เป็นที่ต้องการของตลาด ส่วนใหญ่ไก่ไฮบริดจะนิยมเลี้ยงภายในฟาร์มขนาดใหญ่ เน้นเลี้ยงในปริมาณที่มาก ๆ และถูกผลิตมาเพื่อทางการค้าโดยเฉพาะ
ส่วนไก่โร้ดไอส์แลนด์แดงเมื่อผสมพันธุ์กัน ลูกไก่ที่ออกมาจะมีลักษณะสีขนที่เหมือนกัน เหมาะแก่การเลี้ยงไว้กินเองภายในครอบครัวหรือจะเลี้ยงเพาะพันธุ์ขายก็ได้ ซึ่งไก่โร้ดไอส์แลนด์ปัจจุบันเป็นพันธุ์แท้ดั้งเดิมที่ไม่นิยมเลี้ยงกันแล้วภายในฟาร์ม ซึ่งไก่ทั้งสองสายพันธุ์นี้จะมีความแตกต่างในเรื่องของปริมาณการให้อาหารด้วย เนื่องจากไก่ไฮบริดมีลักษณะตัวที่เล็กกว่าไก่โร้ดไอส์แลนด์ กล่าวคือ ไก่ไฮบริดจะมีความต้องการอาหารในปริมาณที่น้อยกว่าไก่โร้ดไอส์แลนด์นั่นเอง
สรุปง่าย ๆ คือ
ไก่ไฮบริด: เหมาะสำหรับใครที่ต้องการเลี้ยงเพื่อนำไข่ไก่ไปขาย
ไก่โร้ดไอส์แลนด์: เหมาะสำหรับใครที่ต้องการเลี้ยงเพื่อบริโภคหรือขยายพันธุ์
เป็นยังไงกันบ้างพอจะเห็นภาพความแตกต่างอย่างชัดเจนกันแล้วหรือยังระหว่าง “ไก่โร๊ดไอส์แลนด์และไก่ไฮบริด” จะได้ไม่เข้าใจผิดเวลาไปซื้อกัน สำหรับมือใหม่ยิ่งต้องศึกษากันให้ดี ๆ ก่อน เวลาไปเลือกซื้อพันธุ์ไก่ ไม่งั้นอาจจะถูกหลอกขายกันได้ ซึ่งไก่แต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะที่ตอบโจทย์ความต้องการแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ควรเริ่มจากถามตัวเองก่อนว่าจุดประสงค์เราต้องการเลี้ยงไปเพื่ออะไร จะได้ไม่เสียดายเงินลงทุน และลงแรงในภายหลัง ครั้งหน้าเราจะมาให้ข้อมูล สาระความรู้อะไรดี ๆ เพิ่มเติมอีก ชาวเลี้ยงไก่ไข่ห้ามพลาด รอติดตามได้ที่ Smart Farm Pro กันไว้ได้เลย
