“สมาร์ทฟาร์ม” คืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาการทำเกษตรได้ยังไง

การทำการเกษตรส่วนใหญ่มีขั้นตอนการจัดการที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงที่สุด การใช้นวัตกรรมใหม่ “ด้วยระบบ Smart Farm สามารถช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น แถมยังช่วยดูแลระบบได้อย่างทั่วถึงตลอดทั้งฟาร์ม” ระบบฟาร์มอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการเกษตรหรือเกษตรกรที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ปรับปรุงการดูแลฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบจัดการฟาร์มได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งจากตามรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ รายงานว่า “โลกจะต้องผลิตอาหารเพิ่มขึ้น 70% ในปี 2593 มากกว่าในปี 2549” ทำให้อัตราการแข่งขันของอุตสาหกรรมการเกษตรยิ่งมีอัตราความต้องการที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน “เกษตรกรรมถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สำคัญของคนไทย” ผู้ประกอบการเกษตรไทยต้องรีบผลักดันขีดจำกัด การทำฟาร์มให้ก้าวไปสู่อีกระดับด้วยเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต

Smart Farm คืออะไร ? มาทำความรู้จักกันก่อน..

Smart สมาร์ท ย่อมาจากคำว่า อัจฉริยะ เมื่อรวม ๆ กันแล้ว “สมาร์ทฟาร์ม” คือ การทำเกษตรอัจฉริยะ หรือ เอาที่เข้าใจง่าย ๆ เลยก็คือ ระบบบริหารจัดการฟาร์มด้วยการนำอุปกรณ์เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลฟาร์มของเรานั่นเอง ซึ่งตัว “ระบบ Smart Farm จะเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลหลังบ้าน สามารถช่วยควบคุมการทำฟาร์ม นำมาตรวจสอบ วิเคราะห์ แล้วนำผลข้อมูลมาพัฒนาเพื่อให้ได้ผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ระบบ Smart Farm จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการเกษตรหรือเกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อดูแลกระบวนการทำเกษตรให้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า “ปริมาณการเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ IoT หรือระบบ Smart Farm ใน Google เริ่มมีการค้นหามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง” เนื่องจากอุปกรณ์ IoT ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายให้กับคนยุคใหม่ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงระบบภายในฟาร์ม เพื่อเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังฟาร์ม

Pain point หลักที่ผู้ประกอบการเกษตรต้องเจอ คือ "งบประมาณ"

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือการนำอุปกรณ์ IoT หรือระบบ Smart Farm เข้ามาใช้งานเพื่อทำการเกษตรสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องของการ “ควบคุมงบประมาณ หรือ ต้นทุน” ที่เป็นอุปสรรคในการทำผลกำไรในขั้นตอนการผลิตได้อีกด้วย :ตัวระบบสามารถช่วยหาข้อมูลและวัดค่าองค์ประกอบที่สำคัญที่เราอาจจะมองข้ามในการทำเกษตรไปได้

จุดเด่นของระบบ Smart Farm มีอะไรบ้าง ?

1. ประหยัดเวลาในการทำการเกษตร

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญของการทำระบบ Smart Farm คือ สามารถช่วยลดทรัพยากร ต้นทุน และลดแรงงานในการทำการเกษตรลงได้ ด้วยการใช้ระบบจัดสรรทรัพยากรภายในฟาร์มอย่างถูกต้องเหมาะสม ควบคุมงบประมาณการผลิต และสามารถเพิ่มผลกำไรในการทำการเกษตรได้

2. ติดตามผลข้อมูลภายในฟาร์มได้ตลอดเวลา

การทำฟาร์มอัจฉริยะทำงานโดยใช้วิธีการใช้เทคโนโลยี IoT เซนเซอร์ โดยที่ข้อมูลจะถูกเปลี่ยนไปแบบเรียลไทม์ตามเวลาจริง ทำให้ผู้ประกอบการเกษตรหรือผู้ดูแลฟาร์มสามารถติดตามผลได้ตลอดเวลาได้อย่างทันที ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการเกษตรสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณอาหารคงเหลือ วันที่ต้องเติมอาหาร ปริมาณการเติมสะสม ในระบบเองได้ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลภายในฟาร์มได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถคาดการณ์ปัญหาก่อนที่จะเกิดได้

3. จัดการและควบคุมผ่านระบบทางไกลได้

เนื่องจากพื้นที่ฟาร์มของเจ้าของฟาร์มหรือผู้ประกอบการเกษตรบางส่วนอาจจะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลกับที่อยู่อาศัย ทำให้มีข้อจำกัดในแง่ของการเดินทาง ซึ่งหากใช้เทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วย จะเป็นทางออกสำคัญที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในการเดินทางมายังฟาร์มนี้ได้ เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ประกอบการเกษตรหรือเกษตรกร สามารถมอนิเตอร์หรือจัดการฟาร์มผ่านระบบด้วยการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะ หรือระบบ Smart Farm ในระบบหลังบ้านฟาร์มได้ตลอดเวลา

4. วิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง

กุญแจสำคัญในการทำการเกษตรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ ผู้ประกอบการสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับฟาร์มที่ถูกต้องและแม่นยำจากหลังบ้านมาวิเคราะห์ เพื่อนำข้อมูลไปต่อยอด แล้วสามารถพัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การทำฟาร์มที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้ ซึ่งระบบ Smart Farm จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการตรวจสอบข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลหลังบ้านได้อย่างทันที ช่วยให้เห็นภาพโดยรวม แล้วเก็บข้อมูลเชิงสถิติที่ได้ มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาและวางแผนการทำฟาร์มให้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้นได้ในอนาคต

ผู้ประกอบการเกษตรสามารถนำเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มมาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากขึ้นด้วยการนำผลลัพธ์ของแต่ละเดือนที่สามารถดูข้อมูลนํ้าหนัก รายวัน ตลอดแผนการเลี้ยง ส่วนนี้จะเป็นส่วนสำคัญเป็นข้อได้เปรียบของระบบ Smart Farm ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเกษตรสามารถวิเคราะห์ผลข้อมูลแล้วนำไปประเมินค่าล่วงหน้าได้

ระบบ Smart Farm จะช่วยสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเจาะลึกเพื่อไปต่อยอด และนำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงฟาร์มในการทำการตลาดต่อไปให้ได้ผลผลิตที่คุ้มค่ากับต้นทุนให้ได้มากที่สุดในแต่ละเดือน

ซึ่งการนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วยในการทำการเกษตร สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างได้เลยว่า ประสิทธิภาพระหว่างการทำเกษตรรูปแบบใหม่กับแบบดั้งเดิมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลฟาร์มได้ดีกว่า ด้วยผลข้อมูลของกราฟและข้อมูลหลังบ้านของฟาร์มของเราสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำในระบบของฟาร์มได้อย่างทันท่วงที

แล้วการเกษตรรูปแบบใหม่ Smart Farm ดีกว่ายังไง ?

คำถามที่หลายคนอาจจะสงสัย ถ้าเปลี่ยนมาใช้ระบบสมาร์ทฟาร์มจะดีกว่าจริงหรือ ? ปัจจุบันเกษตรกรบางส่วนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการทำ “Smart Farm หรือ เกษตรอัจฉริยะ” กันมากขึ้น เนื่องด้วยช่วยลดปัญหาการใช้แรงงาน แต่สามารถดูแลฟาร์มได้อย่างคลอบคลุมและทั่วถึงทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการเกษตรหรือเจ้าของฟาร์มทราบข้อมูลที่ต้องการ นำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนการตลาดต่อไปได้ในอนาคต ช่วยให้ผู้ประกอบการเกษตรกรยุคใหม่นำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการใช้งานสามารถแก้ปัญหาที่เกษตรกรส่วนใหญ่พบเจอได้ แต่เนื่องด้วยปัจจุบันเกษตรกรบางรายอาจจะยังเข้าไม่ถึงด้านเทคโนโลยีมากเท่าไหร่นั้น และยังคุ้นชินกับการทำการเกษตรรูปแบบเดิม ๆ อยู่ แต่ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยหากมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ หรือให้คำปรึกษาอาจจะช่วยตอบโจทย์การใช้งานที่คลอบคลุมมากขึ้น และช่วยให้การเกษตรไทยสามารถขับเคลื่อนไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้

“ลงแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ Smart Farm.. ช่วยประหยัดต้นทุนในการทำเกษตร”

ปัจจุบันเราจะเห็นกันได้อย่างชัดเจนเลยว่า เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันเรามากยิ่งขึ้น และหลาย ๆ อุตสาหกรรมเริ่มนำเทคโลยี IoT เข้ามาในช่วยในธุรกิจต่าง ๆ จากผลการใช้งานหรือติดตั้งอุปกรณ์ IoT ในโลกเกษตรกรรมคาดว่าจะมีอัตราแนวโน้มการเติบโตร้อยละ 20 ต่อปี

อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นการใช้ Smart Farm และเทคโนโลยีอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน จากรายงานการวิจัย machina ในเดือนมกราคม 2559 พบว่า ในปี 2557 จำนวนอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 13 ล้าน และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2567 อีกถึง 225 ล้าน ซึ่งระบบ Smart Farm จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนประสิทธิภาพภาคอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน

ครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงสาระ ความรู้ที่น่าใจเกี่ยวกับ สมาร์ทฟาร์มหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ เรื่องอะไร รอติดตามกันไว้ได้เลย..